องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ซึ่งเปรียบเสมือนที่ปรึกษาของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม ได้ออกมาตอกย้ำการคาดการณ์เดิมในวันนี้ (17 มิ.ย.) ว่า ความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะเติบโตจนถึงจุดสูงสุด (Peak) ภายในปี 2572 ที่ 105.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก่อนจะเริ่มลดลงเล็กน้อยในปี 2573
อย่างไรก็ตาม มุมมองนี้กลับสวนทางกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปก (OPEC) ที่เชื่อมั่นว่าความต้องการใช้น้ำมันจะยังคงเติบโตต่อไปอีกนาน และยังไม่ได้คาดการณ์จุดสูงสุดแต่อย่างใด
IEA วิเคราะห์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันของจีนที่เคยเป็นผู้นำมานานหลายทศวรรษเริ่มแผ่วลง และกำลังจะแตะจุดสูงสุดของตัวเองก่อนใครในปี 2570 สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ ทั้งการเติบโตแบบก้าวกระโดดของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการขยายเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงที่เข้ามาแทนที่การเดินทางแบบเดิม
ในทางกลับกัน สหรัฐอเมริกา ที่เคยถูกมองว่าจะลดการใช้น้ำมันลงอย่างรวดเร็ว กลับมีแนวโน้มบริโภคน้ำมันสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปัจจัยหนุนมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่ถูกลง และที่สำคัญคือ กระแสรถยนต์ EV เติบโตช้ากว่าคาด โดย IEA ได้ปรับลดคาดการณ์สัดส่วนยอดขายรถ EV ในสหรัฐฯ สำหรับปี 2573 จากเดิม 55% เหลือเพียง 20% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
แม้ดีมานด์จะใกล้ถึงเพดาน แต่ฝั่งผู้ผลิตกลับไม่มีทีท่าว่าจะชะลอการผลิต โดย IEA คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตน้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนพุ่งไปแตะระดับ 114.7 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2573 ซึ่งจะทำให้อุปทานล้นเกินความต้องการอยู่มาก
อย่างไรก็ตาม ฟาตีฮ์ บิรอล ผู้อำนวยการบริหารของ IEA ย้ำว่า "แม้ปัจจัยพื้นฐานชี้ว่าตลาดจะมีอุปทานเพียงพอในอีกหลายปีข้างหน้า แต่สถานการณ์ล่าสุด (ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง) ก็ตอกย้ำให้เห็นถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญต่อความมั่นคงของอุปทานน้ำมัน"